สานฝัน เสริมพลัง สังคมยั่งยืน

เพราะการให้ที่ดีที่สุดคือ “ให้โอกาส” เมื่อไรก็ตามที่คน “มีฝัน”กับคนให้ “โอกาส” ได้ผนึกกำลังกัน นอกจากจะเกิดเป็นความสำเร็จแล้ว ยังนับเป็นอีกหนึ่งพลังนำพาไปสู่สังคมที่ยั่งยืนจากการให้

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของ “การให้” และ “ได้รับโอกาส” เติมฝันให้เป็นจริง คงจะเป็น กลุ่มนักเตะรุ่นเยาว์จากโครงการซีพีสานฝัน ปันโอกาส “ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอล อาชีพ” ที่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากใจรักการเล่น ฟุตบอล มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ รวมถึงอยากจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือตามระบบการศึกษาภาคปกติแต่อาจติดขัดด้วยข้อจำกัดที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวย ครั้นเมื่อมีผู้ใหญ่ใจดีมองเห็น ความสำคัญของความฝัน แล้วหยิบยื่น โอกาสให้คนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงได้พิสูจน์ตัวเอง ความหวังที่ดูเหมือนเลือนรางก็ดูมีหนทางที่จะเป็นไปได้ในสักวันหนึ่ง

โครงการซีพีสานฝัน...ปันโอกาส “ปั้น เยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ” ได้เฟ้นหา นักเตะเยาวชนมา 2 รุ่นแล้ว โดยรุ่นแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2559 คัดเลือก 20 เยาวชนชายไทย อายุ11-12 ปีจากทั่วประเทศราวกว่า 5,000คน ที่มีความฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เข้าร่วมโครงการเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังอย่างมืออาชีพ กับ True BUFC Academy หรือโครงการ ฝึกหัดฟุตบอลที่มีมาตรฐานสากลของสโมสร ชั้นนำ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมรับทุน การศึกษาจากเครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าเรียน ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งแต่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ตลอดระยะเวลา การดำเนินโครงการ

Dream Story : เรื่องของคนมีฝัน

ผู้ใหญ่ฝ่ายสานฝัน : Make The Dream Come True

ยิ่ง “ให้” ความหวังที่จะเห็นโลกของเรา อุดมด้วยสังคมแห่งการแบ่งปันก็ยิ่งมีความเป็นไปได้มาก เช่น โครงการซีพีสานฝัน...ปัน โอกาส“ ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ” ที่เกิดขึ้นจากหัวใจที่พร้อมจะให้และสายตา ที่มองไกลไปสู่ความยั่งยืน นำทีมริเริ่มสานฝัน โดยผู้ใหญ่ใจดีขจร เจียรวนนท์ผู้อำนวยการ บริหาร ด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน สโมสรฟุตบอล ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด 

“ผมเริ่มทำทีมฟุตบอล ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มาประมาณปีนี้ปีที่ 6 แล้ว โดยช่วงปี ที่ 3 ของการทำทีม เราวางแผนเอาทีม ลิเวอร์พูลมาเล่นที่เมืองไทย ในรายการ ‘ทรู ซูเปอร์โทรฟี่ลิเวอร์พูล ทัวร์2015’ ซึ่งตอนนั้น คุณอภัยชนม์วัชรสินธุ์รองกรรมการผู้จัดการ ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญ โภคภัณฑ์ ได้พาเด็กๆ จากชายแดนมาดู ฟุตบอลทีมลิเวอร์พูล ตรงนั้นเป็นการจุด ประกายใจให้ผมเห็นว่ามีเด็กอีกหลายคนที่แค่ ได้มาดูบอลนี่เขาก็ดีใจแล้วและจากการได้พูด คุยแล้วพบว่าหลายคนมีความฝันอยากเป็นมือ อาชีพ แต่เขาไม่มีโอกาส

“เพราะฉะนั้นผมเลยเสนอไอเดียกับ คุณอภัยชนม์ว่า เนื่องจากทีมทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด มีบุคลากรเก่งๆจากเยอรมนีบราซิล ญี่ปุ่น มาร่วมทีม แล้วเราพร้อมที่จะนำระบบ ที่ดีๆ ระดับโลกเหล่านี้มาร่วมช่วยพัฒนาเด็ก ที่อยากเป็นนักฟุตบอลเพื่อสานให้ฝันเขาเป็นจริง พร้อมกับเพิ่มการสนับสนุนเรื่องการศึกษา โดยชวนโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เข้ามาเป็นพันธมิตรด้วย จากนั้นก็วางแผน ร่วมกันทำงานเป็นทีม”

ความร่วมมือดังกล่าวประกอบด้วย 2 ด้าน ทางด้านการฝึกฝนทักษะฟุตบอลด้าน ต่างๆตามมาตรฐานสากล นำทีมโดยมิสเตอร์ ดาเนียล อินวินซิบิเล ผู้อำนวยการ True BUFC Academy สอนทุกเรื่องด้านฟุตบอล เทคนิคการเล่นวิทยาศาสตร์การกีฬาโภชนาการ ตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อปูทางเตรียม พร้อมก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเมื่อ อายุ18 ปีขณะที่ด้านการศึกษาได้ร่วมมือกับ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยเปิดโอกาส ให้เด็กกลุ่มนี้ได้เรียนจนจบมัธยมศึกษาชั้นปี ที่6 เพื่อให้เป็นคน“เก่งและดี”ออกไปรับใช้สังคม ตามแนวทางของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสู่ การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนในทุกมิติไม่ว่าด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม


“ในระหว่างการฝึกถ้าเห็นเขาหน่วยก้านดี เรายังให้โอกาสในการส่งเขาไปเล่นต่างประเทศ ด้วยโดยมีพันธมิตรที่เป็นพาร์ตเนอร์กันอยู่คือ ทีมเอฟซีโตเกียว ในเจลีก และตอนนี้ก็คุยอยู่ กับทางเยอรมนีด้วยว่า จะส่งเด็กไปฝึกถ้าเด็ก เราเก่งมากพอ คือเรามุ่งสานฝันชีวิตของเขา ให้เป็นดาวเตะอยู่ในระดับท็อปของโลกได้ “สำหรับการให้ทุนการศึกษาตรงนี้ผมมอง ว่าเรื่องนี้เป็นความยั่งยืนเพราะนักบอลหลายคน พออายุ 30 กว่าต้องเลิกเล่น แล้วก็จะไม่มี ทางไป การศึกษาเหมือนเป็นการใส ่ข้อมูล ความรู้ให้ติดตัวเราไปตลอดชีวิตเมื่อเขาจบจาก การเล่นกีฬาแล้ว เขายังสามารถทำธุรกิจเพื่อ เลี้ยงตัวเองและครอบครัวให้ยั่งยืนไปตลอด ชีวิตได้ครับ

“จากที่ได้เห็นวันแรกเด็กหลายๆ คน รองเท้าฟุตบอลยังไม่มีเลยครับ แล้วตอนนี้เขาได้มาเรียนที่โรงเรียนระดับท็อปของเมืองไทย และยังได้ชุดอาจารย์ฝึกสอนที่ถือเป็นระดับ โลก ผมดีใจที่ทำให้เด็กๆ มีโอกาสที่ดีแบบนี้ อย่างปีที่แล้วมีเด็กคนหนึ่งที่ได้รับคัดเลือก ญาติเขาเข้ามาขอบคุณ บอกว่าเด็กคนนี้จริงๆ กำพร้าพ่อแม่ พอเข้าโครงการของเราได้สำเร็จ เหมือนกับว่ามีคนมาช่วยดูแลแบ่งเบาภาระ ให้ผมรู้สึกดีใจแทนเขานะครับ ถือว่าผมทำ สำเร็จในการสานให้ความฝันของเด็กคนหนึ่ง เป็นจริงได้ถือเป็นความภูมิใจของคนทำ โครงการนะครับ ดังนั้น โครงการสานฝันเด็กๆ ให้เข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก็จะดำเนิน การต่อไปเรื่อยๆ แน่นอนครับ 

สานฝัน สานต่อความยั่งยืน

ปัจจุบันโครงการซีพีสานฝัน...ปันโอกาส “ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ”ดำเนิน การมาถึงรุ่น 2 แล้ว โดยเพิ่งผ่านการคัดเลือก รอบสุดท้ายไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน มา และได้เยาวชนชายไทย ที่เกิดในปี 2549- 2550 เข้าเรียนต่อในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เป็นจำนวน 20 คน นั่นไม่เพียงหมายถึงการเพิ่มจำนวนของคน ที่มีทักษะความสามารถในการเล่นฟุตบอลเพื่อ ก้าวไปสู่การเป็นมืออาชีพทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก หากยังสะท้อนถึงจำนวนที่เพิ่ม ขึ้นของผู้ได้รับโอกาสให้สามารถเดินตามฝัน จนก้าวสู่ความสำเร็จอีกด้วยโดยทางโครงการ ได้ตั้งเป้าที่จะให้โอกาสต่อเนื่องในปีถัดๆ ไป เพื่อเพิ่มจำนวนเยาวชนที่เดินตามฝันสำเร็จ เพื่อตอกย้ำพลังแห่งการแบ่งปัน อันจะนำไปสู่ สังคมที่เข้มแข็งและโลกที่ยั่งยืนได้ ดังเจตนารมณ์ ที่ ขจร เจียรวนนท์ หัวเรือใหญ่ของโครงการ ได้ออกปากไว้ “ความยั่งยืนในมุมมองของผมตอนนี้คือ การได้เห็นเด็กๆ ทุกคนประสบความสำเร็จ ในอนาคตและโครงการของเราก็จะมีต่อไปทุกปี เพื่อสนับสนุนคนที่ไม่มีโอกาสและขาดโอกาส ให้ได้รับโอกาสตลอดไป หลายคนพอเห็นสิ่ง ที่เราทำเป็นตัวอย่าง ก็จะมีแรงบันดาลใจให้เขา สู้ต่อไป จนฝันของเขาสามารถเป็นจริงได้”

ขอบคุณบทความ สานฝัน เสริมพลัง สังคมยั่งยืน จากวารสารบัวบาน issue 6